หน้าหลัก / ปรีดา กรุ๊ป ผนึก C2E ติดตั้ง DC Fast Charger กำลังไฟฟ้า 120 กิโลวัตต์ นำร่องโครงการ GRENE PRIME ดอนเมือง – สรงประภา
ปรีดา กรุ๊ป ผนึก C2E ติดตั้ง DC Fast Charger กำลังไฟฟ้า 120 กิโลวัตต์ นำร่องโครงการ GRENE PRIME ดอนเมือง – สรงประภา
ปรีดา กรุ๊ป ผนึก C2E ติดตั้ง DC Fast Charger กำลังไฟฟ้า 120 กิโลวัตต์ นำร่องโครงการ GRENE PRIME ดอนเมือง – สรงประภา
ปรีดา กรุ๊ป ผนึก C2E ติดตั้ง DC Fast Charger กำลังไฟฟ้า 120 กิโลวัตต์
นำร่องโครงการ GRENE PRIME ดอนเมือง – สรงประภา
เตรียมขยายสู่โครงการอื่นมุ่งสู่ผู้นำพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อความยั่งยืน
• ปรีดา กรุ๊ป จับมือ C2E ติดตั้ง EV Charger ที่โครงการ GRENE PRIME ดอนเมือง – สรงประภา บุกเบิกการติดตั้ง DC Fast Charger กำลังไฟฟ้า 120 กิโลวัตต์ 2 หัวชาร์จ ชาร์จเร็วสุด 20 – 30 นาที และ AC 2 หัวชาร์จ สร้างเทรนด์ใหม่ สู่การใช้ชีวิตไร้ขีดจำกัดแต่ไม่รบกวนสิ่งแวดล้อม
• เปิดแผนติดตั้งโครงการใหม่ครบทุกโครงการ ยกระดับเป็นผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อความยั่งยืน ก้าวต่อไปเตรียมติดตั้ง “โซลเลซ พหลฯ - ประดิพัทธ์” คอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่จาก ปรีดา กรุ๊ป รูปแบบ Mixed Use รองรับทั้งผู้ใช้ EV ทั้งกลุ่มผู้อยู่อาศัยและผู้เข้ามาใช้บริการพื้นที่เชิงพาณิชย์
• C2E พาร์ทเนอร์ ผู้ให้บริการ EV Charger ครบวงจร ชูจุดแข็ง หัวชาร์จมาตรฐานจากหัวเหว่ย เป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก พร้อมใช้งานง่ายผ่านแอปพลิเคชั่น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่
นางสาวปิยะฉัตร ปรีดานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปรีดา เรียล เอสเตส จำกัด เปิดเผยว่า ปรีดา กรุ๊ป ได้ร่วมมือกับบริษัท ชาร์จ ทู เอิร์น (C2E) ในการติดตั้งสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ให้กับที่อยู่อาศัยของปรีดา กรุ๊ป โดยล่าสุดได้ลงมือติดตั้งแล้วที่โครงการกรีเน่ ไพร์ม (Grene Prime) ดอนเมือง - สรงประภา จำนวน 4 หัวชาร์จ ประกอบด้วยหัวชาร์จกระแสสลับ (AC) 2 หัวชาร์จและหัวชาร์จกระแสตรง (DC) อีก 2 หัวชาร์จ ซึ่งเป็นหัวชาร์จแบบชาร์จเร็ว (Fast Charge) ใช้เวลาในการชาร์จเร็วสุด 20-30 นาที ขึ้นกับประเภทของรถยนต์ ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการบุกเบิกตลาดที่อยู่อาศัยรายแรกๆที่ติดตั้งหัวชาร์จแบบ Fast Charge ตามที่อยู่อาศัย แตกต่างจากส่วนใหญ่จะติดตั้งแบบ AC เนื่องจากทางปรีดา กรุ๊ป มองว่าการมีหัวชาร์จแบบ Fast Charge ไว้บริการควบคู่กับ AC จะช่วยตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้ครบถ้วนกว่า
GRENE PRIME ดอนเมือง – สรงประภา เป็นคอนโดมินเนียม Low Rise เฟสที่ 3 ของ GRENE ดอนเมือง – สรงประภา ซึ่งหากรวมโครงการทั้ง 3 เฟส มีที่อยู่อาศัย 1,456 ยูนิต บนพื้นที่ 17.5 ไร่ จึงเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่สุดและให้มีพื้นที่สีเขียวมากที่สุดในย่านดอนเมือง - สรงประภา ซึ่งทั้ง 3 เฟส ออกแบบภายใต้แนวคิด Vacation condo ที่แต่ละเฟสจะมี Concept ที่แตกต่างกันไป สำหรับเฟส 3 GRENE PRIME ซึ่งเป็นเฟสใหม่นำเสนอภายใต้แนวคิด The Santorini ที่ออกแบบโดยเน้นสีขาว-ฟ้า สวยงาม พร้อมส่วนกลางที่หลากหลาย รวมกันเกือบ 3 ไร่ เป็นเฟสที่อยู่หน้าสุดของโครงการ มีพื้นที่ส่วนกลางที่ครบที่สุด สิ่งอำนวยความสะดวกพรีเมี่ยมกว่าโครงการอื่นๆ มีพื้นที่สำหรับร้านค้าพาณิชย์เพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยให้ลงตัวขึ้น โดยปัจจุบันมีลูกค้าสนใจเข้าเยี่ยมชมและเริ่มทำการโอนแล้วตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
ปัจจุบันทั้ง 3 เฟส ทำการโอนแล้ว 75% จากทั้งหมด 1,456 ยูนิต ทั้งนี้จากการสำรวจพบว่าลูกค้าที่ทำการโอนส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่ทำงานเกี่ยวกับสายการบิน เนื่องจากทำเลอยู่ใกล้สนามบินดอนเมือง รวมถึงกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ในย่านดังกล่าวที่มีหน่วยงานราชการที่สำคัญหลากหลาย เช่น กองทัพอากาศ เป็นต้น ดังนั้นการร่วมกับ C2E ในการติดตั้ง EV Charger จึงเป็นการตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยให้ใช้ชีวิตแบบไร้ขีดจำกัดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้มากขึ้น
นายปิติพัฒน์ ปรีดานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปรีดา โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่าสำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการเดินหน้าสู่แผนระยะยาวของ ปรีดา กรุ๊ป ที่ได้วางโรดแมปในการเป็นผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อความยั่งยืน ซึ่งเป็นการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 12 ปี สำหรับที่อยู่อาศัยภายใต้แบรนด์กรีเน่ การสนับสนุนให้ผู้อยู่อาศัยในโครงการเข้าถึงการใช้รถยนต์ด้วยพลังงานสะอาดนั้นเป็นหนึ่งในโรดแมปของบริษัท ที่จะขยายการติดตั้งไปสู่โครงการใหม่ๆทุกโครงการ เช่น “โซลเลซ พหลฯ - ประดิพัทธ์” (Solace Phahol Pradipat ) เป็นคอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่จาก ปรีดา กรุ๊ป และ ปรีดา เรียล เอสเตส ในรูปแบบของอาคาร Mixed Use สูง 50 ชั้น มูลค่าโครงการ 3,100 ล้านบาท รองรับตลาดกลุ่ม Luxury เป็นต้นแบบโครงการ Mixed Use แห่งแรกของปรีดา กรุ๊ป ที่ ผสมผสานการใช้งานระหว่างคอนโดมิเนียมที่พักอาศัย พื้นที่เชิงพาณิชย์ และพื้นที่สำนักงานไว้ในแห่งเดียวกัน ดังนั้นโครงการโซลเลซ พหลฯ - ประดิพัทธ์ จะเป็นอีกโครงการที่จะทำการออกแบบการตั้งตั้ง EV Charger ให้สามารถตอบสนองให้ผู้พักอาศัยในโครงการและผู้ที่มาใช้บริการพื้นที่เชิงพาณิชย์
นายสิตะ บูรณศิลปิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ ทู เอิร์น (C2E) กล่าวว่า C2E เป็นผู้ให้บริการ EV Charger สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่น โดยมีจุดแข็งคือ หัวชาร์จ ของ C2E ทุกหัวชาร์จ เป็นของหัวเหว่ยซึ่งเป็นแบรนด์ที่ได้รับการเชื่อถือจากทั่วโลกในด้านมาตรฐานและความปลอดภัยรวมถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัย การร่วมมือกับ ปรีดา กรุ๊ป ในครั้งนี้ ถือเป็นการเจาะกลุ่มที่อยู่อาศัยเป็นครั้งแรกของ C2E และมองว่าการติดตั้ง EV Charger ตามที่อยู่อาศัยถือว่าสอดรับกับพฤติกรรมผู้ใช้รถอย่างมาก เนื่องจากผู้ชาร์จสามารถชาร์จรถทิ้งไว้ได้ทั้งคืนสำหรับหัวชาร์จ AC และสามารถชาร์จภายในเวลาเร็วสุดที่ 20 – 30 นาที สำหรับกรณีเร่งด่วน ที่หัวชาร์จ DC ที่มีกำลังไฟฟ้า 120 กิโลวัตต์ ผ่านการใช้งานที่ไม่ซับซ้อนด้วยแอปพลิเคชั่น ที่สามารถแจ้งข้อมูลเพื่อสแกนหาหัวชาร์จในบริการใกล้เคียง และข้อมูลการชาร์จขณะทำการชาร์จแบบเรียลไทม์ รวมถึงสามารถจ่ายค่าบริการผ่านแอปพลิเคชั่นได้อย่างสะดวก และโดดเด่นที่ค่าบริการที่ต่ำกว่าผู้ให้บริการหลายๆค่าย โดยคิดค่าชาร์จสำหรับ AC ที่ 6.50 บาท และ DC ที่ 7.50 บาท
ทั้งนี้นอกจากจะเป็นผู้ให้บริการ EV Charger แล้ว C2E ยังรับให้คำปรึกษา และจัดหา พร้อมทั้งติดตั้งสถานีชาร์จให้กับผู้ที่สนใจลงทุนในธุรกิจ EV Charger แบบครบวงจร เริ่มตั้งแต่การเข้าไปสำรวจสถานที่ไปจนถึงกระบวนการติดตั้งหัวชาร์จ ปัจจุบันมีลูกค้าเข้ามาขอคำปรึกษาเป็นจำนวนมาก จึงมองว่าปัจจุบันสังคมไทยรับรู้และตื่นตัวในการเข้าถึงการใช้ EV อย่างแพร่หลาย ซึ่งมองว่าหากทุกภาคส่วนร่วมมือกันก็จะช่วยให้ประเทศไทยไปสู่เป้าหมาย Net Zero ในปี 2065 ได้จริง