หน้าหลัก / ปูนซีเมนต์นครหลวง ผนึกกำลังพันธมิตร ฟื้นฟูพื้นที่เหมืองหินปูนผ่านกิจกรรม “ปลูกเพื่อโลกที่น่าอยู่” สร้างสังคมคาร์บอนต่ำ เติมอากาศบริสุทธิ์ให้กับชุมชน
ปูนซีเมนต์นครหลวง ผนึกกำลังพันธมิตร ฟื้นฟูพื้นที่เหมืองหินปูนผ่านกิจกรรม “ปลูกเพื่อโลกที่น่าอยู่” สร้างสังคมคาร์บอนต่ำ เติมอากาศบริสุทธิ์ให้กับชุมชน
ปูนซีเมนต์นครหลวง ผนึกกำลังพันธมิตร ฟื้นฟูพื้นที่เหมืองหินปูนผ่านกิจกรรม “ปลูกเพื่อโลกที่น่าอยู่” สร้างสังคมคาร์บอนต่ำ เติมอากาศบริสุทธิ์ให้กับชุมชน
ปูนซีเมนต์นครหลวง ผนึกกำลังพันธมิตร ฟื้นฟูพื้นที่เหมืองหินปูนผ่านกิจกรรม “ปลูกเพื่อโลกที่น่าอยู่”
สร้างสังคมคาร์บอนต่ำ เติมอากาศบริสุทธิ์ให้กับชุมชน
ปูนซีเมนต์นครหลวง เดินหน้าจัดกิจกรรม “ปลูกเพื่อโลกที่น่าอยู่” ผนึกกำลังพันธมิตร “พฤกษา โฮลดิ้ง” และ “ผลิตภัณฑ์ตราเพชร” ฟื้นฟูพื้นที่เหมืองหินปูน เพิ่มพื้นที่สีเขียว ด้วยพันธุ์พืชพระราชทานจำนวน 100 ต้น ตอกย้ำแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนของกลุ่มบริษัทฯ ภายใต้แผนการพัฒนาอย่างยั่งยืนปี 2573 มุ่งเน้นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและฟื้นฟูสภาพแวดล้อมในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับชุมชน สังคม และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สร้างสังคมคาร์บอนต่ำ เติมอากาศบริสุทธิ์ให้กับชุมชนรอบโรงงาน
นายมนตรี นิธิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจปูนซีเมนต์ของประเทศไทย บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงโครงการ “ปลูกเพื่อโลกที่น่าอยู่” ซึ่งเป็นกิจกรรมล่าสุดที่มุ่งสนับสนุนการดำเนินงานด้านความยั่งยืน ภายใต้แนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนปี 2573 (INSEE Sustainability Ambition 2030) โดยมีวัตถุประสงค์ในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และฟื้นฟูเหมืองหินปูน พร้อมปรับภูมิทัศน์และเพิ่มพื้นที่สีเขียวกลับคืนสู่ธรรมชาติ โครงการนี้เปิดโอกาสให้พันธมิตรทางธุรกิจร่วมมีส่วนในการพัฒนาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ด้วยการปลูกต้นไม้ร่วมกัน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวในการสร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน
นายสิทธิชัย ศิริอยู่วิทยา รองประธานอาวุโส สายงานการตลาดและการขาย บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กิจกรรม “ปลูกเพื่อโลกที่น่าอยู่” ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ ถือเป็นกิจกรรมที่ริเริ่มโดยสายงานการตลาดและการขาย ที่มุ่งเน้นการสร้างเครือข่ายและความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับคู่ค้าพันธมิตร โดยในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากคณะผู้บริหารและพนักงานจาก บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) ในการจับมือกันสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ ผ่านการฟื้นฟูธรรมชาติด้วยการปลูกต้นไม้ ซึ่งท้ายที่สุด จะนำไปสู่การส่งเสริมความร่วมมือด้านธุรกิจ ที่มุ่งเน้นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในระยะยาวร่วมกันอีกด้วย
ในโอกาสนี้ ผู้บริหารและพันธมิตรได้ร่วมใจกันปลูกต้นหว้า จำนวน 100 ต้น ซึ่งเป็นกล้าไม้พระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยทางบริษัทฯ ได้ติดต่อขอรับกล้าไม้พระราชทานผ่านมูลนิธิชัยพัฒนา ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้พื้นถิ่นในจังหวัดสระบุรี และได้นำมาปลูกในบริเวณเหมืองของโรงงาน ในเขตตำบลทับกวาง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
นายอุดมศักดิ์ แย้มนุ่น ที่ปรึกษาผู้บริหาร บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวแสดงความยินดีกับ ปูนซีเมนต์นครหลวง ในการริเริ่มจัดกิจกรรม “ปลูกเพื่อโลกที่น่าอยู่” ที่จัดขึ้นเพื่อคู่ค้าพันธมิตร ซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นในการดูแลสิ่งแวดล้อมและสร้างสรรค์สังคมอย่างยั่งยืน กิจกรรมนี้รวมถึงการฟื้นฟูพื้นที่เหมืองหินปูนและการเพิ่มพื้นที่สีเขียวด้วยพันธุ์พืชพระราชทาน ซึ่งเป็นแนวทางที่น่าสนใจและสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับองค์กรอื่น ๆ ในการลดภาวะโลกร้อนและสร้างอากาศบริสุทธิ์ให้กับชุมชน
นายอุดมศักดิ์กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการสะท้อนถึงเจตนารมณ์ร่วมกันของทั้งสามองค์กรที่มีเป้าหมายในการสร้างโลกที่ยั่งยืนเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม และรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสทำงานร่วมกับพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์ตรงกัน เพื่อร่วมสร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่าให้กับชุมชน และโลกของเรา การมีส่วนร่วมในโครงการนี้จึงเป็นอีกโอกาสสำคัญในการย้ำเจตนารมณ์ของพฤกษา โฮลดิ้ง ที่มุ่งเน้นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและฟื้นฟูสภาพแวดล้อม โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างชุมชนที่มีความเป็นอยู่ที่ดี สังคมที่มีคุณภาพ และการก่อให้เกิดสังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน
นายสุนทร สุวรรณเจตต์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการผลิตและวิศวกรรม บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวแสดงความยินดีและชื่นชมต่อโครงการนำร่องของปูนซีเมนต์นครหลวง ที่ริเริ่มชักชวนพันธมิตรทางธุรกิจมาร่วมทำกิจกรรมปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มอากาศบริสุทธิ์ให้กับชุมชน โดยเชิญพันธมิตรทางธุรกิจอย่าง ผลิตภัณฑ์ตราเพชร และ พฤกษา โฮลดิ้ง มาร่วมกิจกรรม ซึ่งแสดงถึงความร่วมมือที่ดีและเป็นตัวอย่างที่ดีของการทำงานร่วมกันของภาคเอกชนเพื่อสังคม
นายสุนทรกล่าวว่า การที่ทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร พนักงาน หรืออาสาสมัคร ได้มาร่วมกันฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมผ่านกิจกรรมนี้ ทำให้เราเห็นถึงพลังของความร่วมมือที่ยิ่งใหญ่ ในนามของผลิตภัณฑ์ตราเพชร ขอชื่นชมทุกภาคส่วนที่มีส่วนร่วมในโครงการนี้ และขอให้โครงการดังกล่าวเป็นต้นแบบในการดูแลสิ่งแวดล้อม รวมถึงสร้างแรงบันดาลใจให้กับองค์กรอื่น ๆ ในการดำเนินโครงการเพื่อสังคมต่อไป
โครงการ "ปลูกเพื่อโลกที่น่าอยู่" ของบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) ไม่เพียงแต่เป็นการฟื้นฟูสภาพแวดล้อม แต่ยังสะท้อนถึงความตั้งใจของบริษัทในการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับชุมชน สังคม และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มีแผนที่จะทำงานร่วมกับพันธมิตรอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืน
นอกเหนือจากการจับมือกับกลุ่มพันธมิตรในการสร้างสังคมคาร์บอนต่ำด้วยการปลูกต้นไม้แล้ว บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) ได้เน้นย้ำการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมผ่านการใช้เทคโนโลยีปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้พัฒนาขึ้นมาเพื่อลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในกระบวนการผลิตและการใช้งาน โดยผลิตภัณฑ์ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก 11 ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ได้รับการรับรองฉลาก EPD (Environment Product Declaration) จาก The International EPD® System ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสากลที่ออกโดย Global Cement and Concrete Association (GCCA) เพื่อรับรองความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาพลังงานทดแทน โดยการนำพลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Energy) เข้ามาใช้แทนพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจากเชื้อเพลิงฟอสซิล รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมสีเขียวเพื่อลดการใช้ปริมาณปูนเม็ดในการผลิตปูนซีเมนต์ ซึ่งจะนำไปสู่การลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ บริษัทฯ ยังเดินหน้าในการนำรถไฟฟ้า EV (Electric Vehicle) เข้ามาใช้ในกระบวนการดำเนินธุรกิจ เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้มากที่สุด และเพื่อสร้างคุณค่าด้านสิ่งแวดล้อม การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
"ท้ายนี้ กลุ่มบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง มีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจตามจรรยาบรรณ โดยปฏิบัติตามนโยบายการพัฒนาอย่างยั่งยืนบนพื้นฐานหลักธรรมาภิบาลที่ดี ทั้งยังให้ความสำคัญกับการรับผิดชอบต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ภายใต้หลักการ ESG (Environment, Social, and Governance) เพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนตามค่านิยมองค์กรที่เน้นความ “ห่วงใย ใส่ใจ อนาคต” (Caring About Our Future) การดำเนินงานตามแนวทางนี้ ไม่เพียงเน้นการฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวและการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคม ควบคู่กับการส่งเสริมความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืนต่อไป” นายมนตรีกล่าวปิดท้าย
# # #